7 Blue Lagoon ที่ต้องไป มีที่ไหนบ้าง?

บลูลากูน (Blue Lagoon) หรือที่แปลตรงตัวได้ว่า “ทะเลสาบสีฟ้า” ถูกใช้เป็นชื่อเรียกของสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังมากมาย ที่มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำใสสะอาด ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อน ท้องทะเล หรือหนองน้ำในป่าลึก หากว่ามีสีฟ้างดงามต้องตาผู้คนที่ไปเยือนก็มักจะได้รับชื่ออันทรงเสนห์ว่า “บลูลากูน”

World Explorer ขอชวนคุณไปสำรวจบลูลากูนที่สวยงามจากทั่วมุมโลกทั้ง 7 แห่ง ว่าบลูลากูนแต่ละที่แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนที่ตรงใจคุณ ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ


1.บ่อน้ำแร่บลูลากูน (Blue Lagoon), ไอซ์แลนด์ (Iceland)

เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดจากแหล่งความร้อนใต้พิภพ มีอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ย 37 – 39 °C มีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ช่วยรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง และสามารถบรรเทาอาการของโรคสะเก็ตเงินได้ด้วย กลางบลูลากูน จะมีบ่อโคลนซิลิกา โคลนสีขาวเนื้อละเอียด ที่เราสามารถไปตักมาพอกหน้าบำรุงผิวได้อีกด้วย (ถึงแม้ซิลิกาจะดีกับผิว แต่ทำให้เส้นผมแห้งกร้าน ดังนั้นที่บลูลากูนจึงมีครีมนวดผมเตรียมไว้เพื่อให้ใช้ชะโลมผมให้ทั่วก่อนลงแช่น้ำด้วย)

ในประเทศไอซ์แลนด์จะมีบ่อน้ำแร่หลายแห่ง แต่บลูลากูนก็เป็นบ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ (และเป็นบลูลากูนมีชื่อเสียงที่สุดในโลกด้วย) เนื่องจากน้ำในบ่อมีสีฟ้าขาวคล้ายน้ำนมตัดกับสีดำของหินลาวารอบบ่อ ทำให้มีความงดงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งท้องถิ่น แต่ก็มีการให้บริการที่ดี เป็นระเบียบ และสะอาดสะอ้าน มีผ้าเช็ดตัว ชุดคลุม และชุดว่ายน้ำใช้เช่า มีระบบกำไลแขนสำหรับเปิด-ปิดล็อกเกอร์และใช้จ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มภายใน ทำให้สะดวกสบายเหมือนไปเที่ยวสวนน้ำเลยทีเดียว

บ่อน้ำแร่บลูลากูนอยู่ในทุ่งลาวากรินดาวิก (Grindavik) บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ห่างจากเมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์มาทางตะวันตกเฉียงใต้ เพียงแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถไปได้ทุกฤดูกาล แต่ถ้าคุณได้ไปเที่ยวไอซ์แลนด์ในหน้าหนาว ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ชมแสงเหนือไปพร้อมกับการแช่น้ำร้อนให้ผ่อนคลาย


https://www.pinterest.it/pin/7670261846410955/?lp=true

2. เกาะบลูลากูน (Blue Lagoon Island), บาฮามาส (Bahamas)

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียง อยู่ห่างจาก แนสซอ (Nassau) เมืองหลวงของประเทศบาฮามาส เพียง 10 กิโลเมตร สมัยก่อนเป็นจุดแวะพักเรือขณะที่รอการอนุญาตให้เข้าสู่ท่าเรือแนสซอ มีทะเลสาบกลางเกาะเป็นบ่อเกลือ จึงมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ซอลท์เคย์ (Salt Cay)

เกาะบลูลากูนถูกใช้ประโยชน์มากมายหลายรูปแบบตามเจ้าของที่เปลี่ยนไปแต่ละยุคสมัย ปัจจุบันกลายเป็นเกาะท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง เพราะมีชายหาดที่สวยงามและกิจกรรมทางทะเลมากมาย ทั้งแหล่งกีฬาทางน้ำ ร้านอาหารทะเล สวนสัตว์ โชว์โลมาและสิงโตทะเล รวมถึงเป็นที่ตั้งของ ศูนย์ดอลฟิน เอ็นเคาน์เตอร์ (Dolphin Encounters) อดีตศูนย์ช่วยเหลือปลาโลมา ที่หลังจากเกาะบลูลากูนเปิดเป็นเกาะท่องเที่ยวศูนย์แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของปลาโลมาจำนวนมากให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วย


https://www.touristlink.com/zambia/blue-lagoon-national-park/overview.html

3. อุทยานแห่งชาติบลูลากูน (Blue Lagoon National Park), แซมเบีย (Zambia)

อุทยานแห่งชาติของประเทศแซมเบีย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากลูซากา (Lusaka) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแซมเบีย ไปทางตะวันตกเพียง 120 กิโลเมตรเท่านั้น

ทางเหนือของอุทยานอยู่ในเขตอนุรักษ์ป่าโมพาเน(Mopane Woodlands Ecoregion) ซึ่งเป็นป่าเขตร้อนและทุ่งหญ้าสะวันนา (Savanna) และทางใต้อยู่ในเขตอนุรักษ์ทุ่งหญ้าน้ำท่วม (Flooded Grasslands Ecoregion) ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ติดกับแม่น้ำกาฟู (Kafue River) อยู่ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่จึงทำให้อุทยานแห่งชาติบลูลากูน เป็นเหมือนเป็นสวรรค์ของสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ม้าลาย ควาย Lechwe, Sitatunga, Reedbuck และ

ในฤดูฝนของของประเทศแซมเบีย (พฤศจิกายนถึงเมษายน) อุทยานแห่งชาติบลูลากูนจะมีน้ำท่วมถึง หนองบึงในพื้นที่จะเต็มไปด้วยน้ำใสสีฟ้า นกมากมายหลายสายพันธุ์โดยเฉพาะจำพวกนกน้ำจะอบพยบมาอยู่บริเวณนี้ จึงเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาอาศัยอยู่ในกระท่องของอุทยานเพื่อชมนก


https://www.flickr.com/photos/11833575@N05/4986676549/

4. เขตอนุรักษ์ธรรมชาติบลูลากูน (Blue Lagoon Local Nature Reserve), สหราชอาณาจักร (United Kingdom)

เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติท้องถิ่นแห่งเดียวในเมืองมิลตัน คีนส์ (Milton Keynes) ในบักกิงแฮมเชอร์ (Buckinghamshire), สหราชอาณาจักร เขตอนุรักษ์ธรรมชาติบลูลากูนมีบึงน้ำเล็กๆ หลายแห่ง บึงที่ใหญ่ที่สุดเป็นบึงที่มีน้ำสีฟ้าจึงถูกเรียกว่า บลูลากูน (Blue Lagoon) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งนี้นี่เอง นอกจากนั้นในบริเวณเขตอนุรักษ์ยังมีทุ่งหญ้าและป่าเต็มบริเวณ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ สัตว์ป่าขนาดเล็ก และพืชพันธุ์มากมาย รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองมิลตัน คีนส์อีกด้วย


5. อ่าวบลูลากูน (Blue Lagoon Bay), ตุรกี (Turkey)

หรือ โอลูเดนนิส (Ölüdeniz) ในภาษาตุรกีมีความหมายว่า “Dead Sea” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นอ่าวปากแคบ จนทำให้น้ำนิ่งสนิทแม้ว่าในยามที่มีพายุ แต่ในปัจจุบันได้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าบลูลากูน เป็นที่นิยมสำหรับดำน้ำตื้น (Snorkelling) เพราะมีน้ำทะเลที่ใสสะอาดสีฟ้าอมเขียว มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ และทำใต้ทำเลหลายแห่ง รวมถึงมีสถาบันสอนดำน้ำท้องถิ่นที่สามารถออกใบอนุญาตดำน้ำให้ได้ด้วย

นอกจากนี้ โอลูเดนนิสยังขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่เล่น ร่มร่อนพาราไกลดิ้ง (Paragliding) ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีสภาพอากาศเหมาะสมและวิวที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผู้เล่นจะได้เห็นภูเขาบาบาดัก (Mount Babadağ) ตั้งตระหง่านอยู่เหนืออ่าวบลูลากูนบนชายฝั่งของจังหวัดมูกลา (Muğla Province) ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของประเทศตุรกี


6. สระบลูลากูน (Blue Lagoon Pond), ลาว (Laos)

สระน้ำธรรมชาติตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของถ้ำปูคำ (Phu Kham Cave) ซ่อนตัวอยู่ในขุนเขาและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองวังเวียง (Vang Vieng) อยู่ห่างจากเมืองเวียงจันทน์ (Vientiane) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลาวไปทางเหนือประมาณ 150 กิโลเมตร

ด้วยธรรมชาติที่งดงามและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนในเมืองวังเวียง ทำให้เมืองนี้เป็นที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกโดยเฉพาะชาวไทย สระบลูลากูนมีอยู่ด้วยกันหลายสระ ซึ่งมีสีฟ้าใสสะอาดและเย็นชื่นใจเช่นเดียวกัน ทุกสระจึงถูกเรียกว่าบลูลากูน การลงเล่นน้ำในบลูลากูนถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมือเดินทางมาเที่ยววังเวียง


7. บลูลากูนแห่งโคมิโน (Blue Lagoon of Comino), มอลตา (Malta)

พื้นที่ทะเลสีฟ้าอันงดงามที่น้ำทะเลมีความใสสะอาดราวกับแก้วคริสตัล และมีสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของประเทศมอลตา (และเป็นบลูลากูนมีชื่อเสียงที่สุดอันดับ 2 รองจากบ่อน้ำแร่บลูลากูนในไอซ์แลนด์) รวมถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำด้วย

บลูลากูนตั้งอยู่ระหว่างเกาะโคมินอตต์ (Cominotto) และเกาะโคมิโน (Comino) เกาะขนาด 3.5 ตารางกิโลเมตร สมัยก่อนทำหน้าที่เป็นสถานพยาบาลและสถานที่คุมขังนักโทษชั่วคราว ปัจจุบันเป็นที่มีประชากรน้อยที่สุดในสาธารณรัฐมอลตา มีประชากรถาวรเพียง 3 คน แต่มีนักท่องเที่ยวเนืองแน่นเกือบทุกวัน


หากบลูลากูนที่ตรงใจคุณคือน้ำทะเลสีฟ้าใสราวแก้วคริสตัลแล้วละก็ เราขอแนะนำให้คุณไปสัมผัสลากูนแห่งนี้กับทริป Malta (+Sicily), The Majestic Islands 

วันที่

26-02-2020

หมวดหมู่

, , ,

เรื่องโดย

@worldexplorer