“น่าน” จังหวัดทางภาคเหนือที่หากเอ่ยขึ้นมา เชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนต้องนึกถึงก็คือ “ภาพกระซิบรักบันลือโลกแห่งวัดภูมินทร์” ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ประจำจังหวัด แต่น่านไม่ได้มีเพียงภาพวาดนี้ให้ไปเที่ยวชม…

น่านล้อมรอบด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ มีภูเขาสูงมากมายให้ขึ้นไปดูทะเลหมอกและมองดวงดาวยามค่ำคืน ทั้งยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงดงามทั้งวัดโบราณและอาคารไม้เก่าแก่สไตล์ล้านนาและโคโลเนี่ยล และยังมีประเพณีและวัฒนธรรมอันงดงามที่สืบทอดกันในชุมชนต่างๆ ทั่วจังหวัด และทั้งหมดประกอบกันนั้นก็คือเสน่ห์ที่ทำให้ต้องมาเที่ยวเมือง “น่าน” ล้านนาตะวันออก

World Explorer มี Checklist ที่เที่ยวจังหวัดน่านมาฝากค่ะ


วัดภูมินทร์

ที่เที่ยวยอดฮิตของจังหวัดน่านซึ่งเคยปรากฏอยู่บนธนบัตรไทยในสมัยรัชกาลที่ 8 แต่เดิมวัดแห่งนี้ชื่อว่า พรหมมินทร์ สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน

พระอุโบสถเป็นอาคารทรงจตุรมุขที่กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าพระอุโบสถทรงจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 พระองค์ ซึ่งหันพระพักต์ไปทางประตูทั้งสี่ทิศ ส่วนผนังด้านในประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องพุทธชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

พิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณคุ้มหลวงของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ผสมผสานระหว่างแบบศิลปะตะวันตกและศิลปะไทย เคยเป็นหอคำที่พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่านทรงสร้างเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อเจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงพิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงมอบหอคำหลังให้แก่รัฐบาลเพื่อใช้เป็นศาลากลางจังหวัด

ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้นใหม่ กรมศิลปากรจึงจัดดั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านขึ้น ภายในแบ่งส่วนการจัดแสดงเป็น 2 ชั้น โดยจัดแสดงเกี่ยวกับโบราณคดีและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รวมไปถึงเรื่องราวทางชาติพันธุ์ทางภาคเหนือให้ได้เรียนรู้กัน อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือซุ้มลีลาวดีที่ให้ไปถ่ายรูปอีกด้วย


วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

ตั้งอยู่ตรงข้าม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แต่เดิมชื่อว่า “วัดหลวงกลางเวียง” ภายในประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนรอบเจดีย์ประดับด้วยช้างปูนปั้นครึ่งตัว โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสุโขทัย


โฮงเจ้าฟองคำ

ทำจากไม้สักและยกใต้ถุนสูงสไตล์ล้านนาโบราณ อายุ 200 ปี ที่ประกอบขึ้นโดยใช้วิธีสลักและเข้าไม้โดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าฟองคำ ผู้มีเชื้อสายของเจ้าผู้ครองนครน่าน

ปัจจุบันอาคารหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตในอดีตและของเก่า เครื่องเงิน และผ้าทอ โดยมีส่วนอนุรักษ์การทอผ้าพื้นเมือง ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของน่าน ที่นี่ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทบ้านพักอาศัย (คุ้มเจ้า) ปี พ.ศ.2555 จากสมาคมสถาปนิคสยาม


วัดมิ่งเมือง

วัดที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองน่าน เดิมทีเป็นวัดร้าง จนกระทั่งเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านสถาปนาวัดใหม่ และตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมืองตามชื่อเสาหลักเมือง ต่อมามีการรื้อถอนและสร้างอุโบสถขึ้นใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังปัจจุบัน ด้านนอกพระอุโบสถโดดเด่นด้วยลายปูนปั้น ส่วนภายในตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมที่แสดงวิถีชีวิตชาวเมืองน่าน


วัดพระธาตุเขาน้อย

อีกหนึ่งไฮไลท์ของจังหวัดน่าน วัดพระธาตุเขาน้อยตั้งอยู่บนดอยที่มีชื่อเดียวกัน สันนิษฐานกันว่าวัดแห่งนี้มีอายุพอๆ กับพระธาตุแช่แห้ง องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนสไตล์พม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญด้วยตำแหน่งที่ตั้งบนดอยทำให้สามารถเห็นทัศนียภาพของน่านได้อย่างชัดเจน บริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีน่าน พระพุทธรูปปางลีลา ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัด


ถนนคนเดินเมืองน่าน

หรือที่รู้จักในชื่อ “กาดข่วงเมืองน่าน” ตลาดเย็นที่มีเฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งอยู่บริเวณถนนผากองข้างวัดภูมินทร์ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป ที่นี่มีทั้งของที่ระลึก งานแฮนด์เมดต่างๆ รวมไปถึงอาหารอร่อยๆ ทั้งอาหารพื้นเมือง ของกินเล่น ผลไม้ต่างๆ ให้เลือกซื้อมากมาย


วัดพระธาตุแช่แห้ง

พระอารามหลวง ที่ประดิษฐานพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่าน คาดว่ามีอายุราว 600 ปี ตามพงศาวดารน่านเล่าว่าพญาการเมืองให้สร้างพระธาตุขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย องค์พระธาตุมีความสูง 55 – 5 เมตร บุด้วยทอง ตกแต่งด้วยลวดลายเฉพาะของช่างฝีมือเมืองน่าน นอกจากนี้พระธาตุองค์นี้เป็นพระธาตุประจำปีเถาะอีกด้วย


ตึกรังษีเกษม

อาคารอายุร้อยกว่าปีในสไตล์โคโลเนี่ยลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ก่อตั้งราวๆ ปีพ.ศ”2458 โดยคณะมิชชันนารีเพื่อให้เป็นโรงเรียนสำหรับสอนหนังสือตะวันตกแห่งแรกของเมืองน่าน แต่เดิมชื่อว่า โรงเรียน “เมริเอริสมิท บราวส์” แต่ต่อมาสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้พระราชทานนามโรงเรียนใหม่ว่า โรงเรียนรังษีเกษม ซึ่งกลายเป็นชื่อของตึกหลังนี้

ปัจจุบันอาคารหลังนี้ก็ได้กลายเป็นอาคารประวัติศาตร์ที่จะพาย้อนเวลากลับไปสู่น่านในอดีต โดยจัดแสดงโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์โบราณต่างๆ ไปจนถึงภาพถ่ายของน่านในอดีต


ถนนลอยฟ้า

ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอปัว มุ่งหน้าสู่ตำบลบ่อเกลือ ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนหุบเขาที่สวยที่สุดในประเทศไทย โดยเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่น่าไปถ่ายรูปกับทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาต่างๆ ป่าเขียวขจี และอาจมีสายหมอกมาแจมให้โรแมนติกยิ่งกว่าเดิม


หอศิลป์ริมน่าน

พื้นที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะบนเนื้อที่ 13 ไร่ ริมแม่น้ำน่าน ที่ก่อตั้งโดยคุณ วินัย ปราบริปู ศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวน่านที่ตั้งใจรวบรวมผลงานทางศิลปะของศิลปินไทยร่วมสมัยที่ทั้งโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์และผลงานของคุณวินัยเอง ให้ผู้คนและเยาวชนได้ชม

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงภาพถ่ายจิตรกรรมฝาผนังของหนานบัวผัน ผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ รวมถึงภาพจากวัดสำคัญต่างๆ ในเมืองน่าน


วัดภูเก็ต

ไฮไลท์สำคัญของอำเภอปัว วัดแห่งนี้ตั้งชื่อตามหมู่บ้าน ซึ่งมีชื่อว่า เก็ต แต่ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ในภาษาเหนือใช้คำว่าดอย หรือ ภู ชื่อของวัดจึงหมายถึงวัดบ้านเก็ตที่อยู่บนดอยหรือภู ตัววัดเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาร่วมสมัย ส่วนด้านหลังของวัดคือภาพทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา มีเทือกเขาดอยภูคาเป็นฉากหลัง จัดว่าเป็นวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน


ขอขอบคุณภาพจาก http://nantourism.go.th/travel-detail.php?id=80

แหล่งเตาเผาจ่ามนัส

แหล่งเตาเผาโบราณในบริเวณชุมชนบ่อสวก เป็นเตาเผาที่สมบูรณ์ที่สุดในล้านนา มีอายุราว 600 – 700 ปี เครื่องเคลือบดินเผาต่างๆ มีรูปแบบและกรรมวิธีการผลิตเฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่น และคาดว่าเครื่องเคลือบดินเผาของที่นี่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากมีการขุดพบในหลายพื้นที่ บริเวณใกล้ยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น ซึ่งรวบรวมของโบราณทั้งข้าวของในชีวิตประจำวันในอดีต ทั้งเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบมาจัดแสดงให้ได้ชม


เสาดินนาน้อย คอกเสือ

ตั้งอยู่ในตำบลเชียงของ เสาดินนาน้อย คอกเสือคือปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการทับถมของดินและถูกน้ำกัดเซาะจนเป็นเสาดินผสมหินสีแดงส้มดูแปลกตาว ที่สำคัญยังมีการพบกำไลหินและขวานโบราณซึ่งบอกได้ว่าที่นี่อาจเคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์โบราณอีกด้วย


ดอยเสมอดาว

ตั้งอยู่ในอำเภอนาน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และชื่อที่ได้มานั้นก็มาจากบริเวณจุดชมวิวบนดอยที่สามารถมองเห็นทะเลดวงดาวทั่วฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน แถมใกล้ราวกับจะเอื้อมมือไปคว้ามาได้อย่างง่ายดาย ขณะที่กลางวันก็สวยงามไม่แพ้กัน ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและตกยามเย็น แถมด้วยทะเลหมอกช่วงหน้าหนาว เรียกว่าเก็บครบทุกอารมณ์เลยทีเดียว


ชุมชนบ่อเกลือ

หนึ่งในอำเภอที่น่าเที่ยวของจังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 80 กิโลเมตร จุดที่ใช้ผลิตเกลือสินเธาว์ หรือ เกลือภูเขา ที่นี่จึงเคยมีชื่อเรียกว่า “เมืองบ่อ” ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีบ่อเกลืออยู่ และจากหลักฐานทางธรณีวิทยาระบุว่าบริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อนเมื่อหลายร้อยล้านปีมาแล้ว

สำหรับพื้นที่ในการทำบ่อเกลือนั้นแบ่งเป็น ตำบลบ่อเกลือเหนือและบ่อเกลือใต้ ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงใช้วิธีการผลิตเกลือแบบเดิม ในโรงเกลือที่มีเตาขนาดใหญ่สำหรับวางกระทะและแขวนตระกร้า เป็นภาพที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าของฝากจากที่นี่ก็ต้องเป็นเกลือ ที่มีทั้งสำหรับปรุงอาหาร และสำหรับขัดผิวเป็นสครับให้เลือกซื้อกลับบ้าน


ลองดูนะคะว่าไปมาครบแล้วหรือยัง ไปมาแล้วก็สามารถแชร์รูปสวยๆ หรือพูดคุยกันได้ที่ Facebook ถ้ายังไม่เคยไป หรืออยากกลับไปอีกครั้ง ให้ World Explorer พาคุณไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งล้านนาตะวันออกกับ Package เที่ยวน่าน ที่คุณสามารถออกแบบโปรแกรมการเดินทางได้เองนะคะ

วันที่

27-10-2020

หมวดหมู่

, , , , ,

เรื่องโดย

@worldexplorer