เที่ยวอยู่นะรู้ยัง?

7 สถานที่ท่องเที่ยวในภาพพื้นหลัง macOS
ทำงานไป เที่ยวไป ไม่รู้ตัว

ทุกคนที่ทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ Macintosh อาจจะทราบอยู่แล้วว่ารหัสในการพัฒนา หรือ Codename ของระบบปฏิบัติการ macOS นั้นเคยใช้เป็นชื่อสัตว์ในตระกูลเสือมาตลอด ตั้งแต่ Mac OS X 10.0 “Cheetah” จนถึง OS X 10.8 “Mountain Lion” และได้เปลี่ยนมาใช้การตั้งชื่อแบบใหม่ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา โดยเริ่มจาก OS X 10.9 “Mavericks” เป็นเวอร์ชั่นแรก

ซึ่งชื่อ Mavericks นี่แหละที่ทำให้หลายๆ คนส่งสัยว่ามันมาจากอะไร และเกี่ยวข้องกับความเป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างไร?

จริงๆ แล้วรูปแบบในการตั้งขื่อแบบใหม่นี้คือการนำชื่อสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในรัฐแคลิฟอร์เนียมาตั้งเป็น Codename นั้นเอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า Apple ก่อตั้งและออกแบบผลิตภัณฑ์ในแคลิฟอร์เนีย “Designed by Apple in California” ตามที่ Apple พยายามจะสื่อสารให้กับแฟนๆ ตลอดมา (แม้ว่าจะประกอบในประเทศจีนก็ตาม “….assembled in China”)

“Places that inspire us,” คือคำที่ Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple ได้อธิบายไว้สำหรับรูปแบบการตั้งชื่อนี้ เราจึงสามารถเห็นได้จากคำว่า Mavericks ที่นอกจากจะเป็นชื่อของสถานที่เล่นเซิร์ฟยอดนิยมในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือแล้ว ยังสื่อถึงความอิสระและแตกต่างมากกว่าเดิมอีกด้วย            (Federighi ยังเคยพูดติดตลกว่าเกือบจะตั้งชื่อเวอร์ชั่นนี้ว่า OS X Sea Lion ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้การตั้งชื่อแบบใหม่)

ไม่เพียงแค่ชื่อเท่านั้น แต่ภาพพื้นหลังเดสก์ท็อปเริ่มต้นของ macOS ก็ยังเป็นรูปของสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามอลังการตาม Codename

วันนี้ World Explorer จึงขอพาคุณไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจผ่านภาพพื้นหลัง macOS รับรองว่าคุณจะรู้สึกเปลี่ยนไปทุกครั้งที่คุณมองภาพพื้นหลังของคอมพิวเตอร์ก่อนการทำงาน


OS X 10.9 “Mavericks”

มาเวอริคส์ (Mavericks) คือชื่อของสถานที่เล่นกระดานโต้คลื่นยอดนิยมทางตอนเหนือของฮาล์ฟมูนเบย์ (Half Moon Bay) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มักจะมีคลื่นใหญ่และรุนแรงในช่วงฤดูหนาว ภาพพื้นหลังของ OS X เวอร์ชั่นนี้จึงเป็นรูปของเกลียวคลื่นของมาเวอริคส์นั่นเอง

ซึ่งคำว่า Mavericks หมายถึง ผู้รักอิสระและมักทำอะไรที่คนอื่นไม่คาดคิด (หรือ ใช้เรียกลูกวัวที่ยังไม่ถูกทำเครื่องหมาย) จึงเหมาที่จะเป็นชื่อของ OS X เวอร์ชันแรกที่ใช้รูปแบบการตั้งขื่อใหม่เพื่อสื่อถึงความอิสระและแตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ


OS X 10.10 “Yosemite”

โยเซมิตี (Yosemite) เป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติที่โด่งดังของรัฐแคลิฟอร์เนีย จากพื้นที่กว้างใหญ่ 3,081 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ป่าที่มีสัตว์อาศัยอยู่มากถึง 89% จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1984 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 3 ล้านคนต่อปี เป็นที่รู้จัดด้วยผาหินแกรนิตขนาดใหญ่และน้ำตกสูงหลายแห่ง

โดยเฉพาะฮาล์ฟโดม (Half dome) ยอดหินแกรนิตสูง 1,444 เมตร มีลักษณะค่อนข้างกลมแต่มีด้านหนึ่งเรียบทำให้ดูเหมือนโดมที่ถูกผ่าครึ่ง เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี จึงถูกนำมาใช้ภาพพื้นหลังของ OS X เวอร์ชั่นนี้


OS X 10.11 “El Capitan”

เอล แคปิตัน (El Capitan) มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า El Cap หรือ The Chief เป็นผาหินสูงตระหง่านจากฐานถึงยอดประมาณ 914 เมตร เป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมสำหรับนักปีนผา (ถ้าวัดเฉพาะส่วนที่ราบตรงจะสูงกว่า Half dome) ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของหุบเขาโยเซมิตี (Yosemite Valley) หุบเขาหินแกรนิตที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำแข็งอายุหนึ่งร้อยล้านปี ชนพื้นเมืองอเมริกันเรียกเขาหินลูกนี้ว่า “To-to-kon oo-lah” หรือ “To-tock-ah-noo-lah” ซึ่งแปลว่า “หัวหน้า” และได้ถูกแปลเป็นภาษาสเปนว่า El Capitan หรือ “กัปตัน” ในที่สุด

ชื่อ El Capitan จึงถูกใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่า OS X เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงที่เหนือกว่า Yosemite ภาพพื้นหลังจึงเป็นภาพของหุบเขาโยเซมิตี (Yosemite Valley) นั่นเอง


macOS 10.12 “Sierra”

Sierra ถูกตั้งชื่อตามเทือกเขาเซียร่าเนวาดา (Sierra Nevada Mountains) ในแคลิฟอร์เนียและเนวาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาคอร์ดิลเยรา (Cordillera Mountains Chain) ซึ่งเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องกันตลอดแนวตะวันตกของประเทศจึงได้รับฉายาว่าเป็น “กระดูกสันหลัง” ของอเมริกา

ด้วยขนาดที่ใหญ่ของเทือกเขาเซียร่าเนวาดา จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมายอยู่ในบริเวณเทือกเขาแห่งนี้ เช่น ต้นเจนเนอรอลเชอร์แมน (General Sherman Tree) ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ, และ ภูเขาวิทนีย์ (Mount Whitney) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา รวมถึงหุบเขาโยเซมิตี (Yosemite Valley) ก็อยู่ในบริเวณของเทือกเขาเซียร่าเนวาดาด้วย

Apple ได้ใช้รูปเทือกเขา Sierra Nevada เป็นภาพพื้นหลังของ macOS เวอร์ชั่นนี้เพื่อสื่อถึงการพัฒนาในด้านความต่อเนื่องและการทำงานร่วมกันของฟีเจอร์ต่างๆ


macOS 10.13 “High Sierra”

ไฮเซียร่า (High Sierra) ถูกใช้เรียกพื้นที่ที่กว้างใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาเซียร่าเนวาดา (Sierra Nevada Mountains) ในแคลิฟอร์เนีย ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติสามแห่ง (Yosemite, Kings Canyon และ Sequoia) ที่ถูกเรียกว่า “High Sierra” เนื่องจากในบริเวณนี้อยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงหลายแห่ง (ของ Sierra Nevada)

ยอดเขาเหล่านี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว แต่จะเต็มไปด้วยพืชพันธุ์สีสันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง (สีของใบไม้เปลี่ยนสี) ซึ่งสีสันเหล่านี้เองที่ถูกนำมาใช้เป็นภาพพื้นหลังของ macOS เวอร์ชั่นนี้

High Sierra ใช้วิธีการตั้งชื่อเหมือนกับ Snow Leopard, Mountain Lion และ El Capitan ซึ่งสื่อถึงการพัฒนาจากรุ่นเก่า เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ


macOS 10.14 “Mojave”

Mojave ตั้งชื่อตาม ทะเลทรายโมฮาวี (Mojave Desert) ที่อยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีเนื้อที่ประมาณ 124,000 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในอเมริกาเหนือ เพราะมีภูเขาล้อมรอบทรายในพื้นที่นี้จึงเกิดจากหินชั้นที่อุดมได้ด้วยแร่ธาตุต่างๆ

พื้นที่ของทะเลทรายโมฮาวีส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 600 เมตร (ยกเว้นบริเวณหุบเขามรณะ (Death Valley) และแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) ที่จะอยู่ต่ำกว่าส่วนอื่น) จึงทำให้มีอีกชื่อว่า ทะเลทรายสูง (High Desert) ซึ่งเป็นคู่ตรงข้ามกับ ทะเลทรายต่ำ (Low Desert) หรือ ทะเลทรายโซโนรัน (Sonoran Desert) ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลทางใต้ของรัฐแอริโซนา (Arizona)

ภาพพื้นหลังของ macOS เวอร์ชั่นนี้คือ เนินทรายเคลโซ (Kelso Sand Dunes) เป็นสันทรายที่เกิดจากการพัดของลมที่ใหญ่ที่สุดในทะเลทรายโมฮาวี ครอบคลุมพื้นที่ 120 ตารางกิโลเมตร เนินทรายที่สูงประมาณ 200 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์โมฮาวี (Mojave National Preserve)


macOS 10.15 “Catalina”

Catalina ได้รับการตั้งชื่อตามเกาะซานตา คาตาลินา (Santa Catalina Island) เกาะหินที่อยู่ห่างจากชายฝั่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ไปไม่ถึง 30 กิโลเมตร มักถูกเรียกสั้นๆว่า เกาะแคตทาลีนา ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศมณฑลลอสแอนเจลิส (Los Angeles County) ถึงแม้จะเป็นเกาะท่องเที่ยวแต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นป่าอนุรักษ์ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมผจญภัยต่างๆ เช่น พายเรือ ดำน้ำ กระโดดร่มพาราเซล และตั้งแคมป์

ทีมถ่ายภาพของ Apple ได้ใช้โดรน(หรือเฮลิคอปเตอร์) บินถ่ายบริเวณแหลมปลายสุดทางตะวันตก(West End) ของเกาะ ทำให้ได้ภาพพื้นหลังที่แปลกตาเป็นเอกลักษณ์ของ macOS เวอร์ชั่นนี้


แถม!เรื่องราวเบื้องหลังพื้นหลังเดสก์ท็อปที่โด่งดังที่สุดในโลก

Microsoft’s Windows XP “Bliss”

เชื่อว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ มาตั้งแต่ยุค 2000 คงจะคุ้นเคยภาพพื้นหลังรูปเนินเขาสีเขียวสมบูรณ์แบบที่เป็นภาพพื้นหลังของระบบปฏิบัติการ Windows XP กันเป็นอย่างดี ถึงจะดูสวยสมบูรณ์แบบจนเหมือนเป็นภาพที่ทำขึ้นจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่แท้จริงแล้วภาพนี้ถ่ายจากสถานที่ที่มีอยู่จริง โดย Charles O’Rear อดีตช่างภาพของนิตยสาร National Geographic ด้วยกล้องฟิล์มและไม่มีการตัดต่อหรือเสริมแต่งใดๆ ทั้งสิ้น!

ภาพ “Bliss” นี้ถูกถ่ายที่ ลอส คาร์เนรอส (Los Carneros AVA) เป็นพื้นที่ Viticultural หรือ พื้นที่ปลูกองุ่นเฉพาะถิ่นในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง คาร์เนรอส เองก็อยู่ในแคลิฟอร์เนียเช่นกัน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอ่าวซานพาโบล (San Pablo Bay) จึงมีทั้งหมอกและสายลมเย็นจากอ่าวทำให้ภูมิอากาศที่นี่เย็นและมีความชุ่มชื้นดีกว่าภูมิภาคไวน์ที่ไกลออกไป ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายที่นี่ในปี 1996 หลังจากที่ไร่องุ่นถูกกำจัดออกไปเพราะโรคระบาด และได้ถูกปลูกขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นไม่นาน ทำให้แทบไม่มีใครมองไม่ออกว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายภาพพื้นหลังของ Windows XP ที่มีคนเคยเห็นกว่าพันล้านคนทั่วโลก


“เราอยากให้คุณรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยว ทุกครั้งที่คุณทำงาน” #สวัสดีวันจันทร์


อ้างอิง: https://www.macrumors.com/…/30/future-os-x-names-discovered/
https://techcrunch.com/2013/06/10/os-x-mavericks/
https://en.wikipedia.org/wiki/MacOS

วันที่

22-06-2020

หมวดหมู่

, ,

เรื่องโดย

@worldexplorer