หากคุณเป็นคนที่ท่องเที่ยวมาหลายที่แล้ว แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวแบบแปลกๆ เลยสักครั้ง เราขอแนะนำ 11 กิจกรรมแปลกใหม่ในรัสเซีย ที่จะทำให้คุณได้ลองอะไรใหม่ๆ มากมาย

แล้วโลกแห่งการท่องเที่ยวของคุณจะเปลี่ยนไป ลองคิดถึงทริปต่อไปของคุณสิว่าจะแปลกขนาดไหน #ไม่อยากไปก็แปลกแล้ว

รัสเซียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกคลอบคลุมพื้นที่ 2 ทวีป และ 9โซนเวลา นอกจากจะประกอบด้วยเมืองใหญ่ที่สวยงามอลังการแล้ว ประเทศรัสเซียยังมีภูมิประเทศและธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ซึ่งมาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของชาวรัสเซีย ทำให้ประเทศแห่งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนานและตื่นเต้นไม่เหมือนใครสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย และแปลกใหม่จนทำให้ใครๆ ก็หลงรักรัสเซีย


1. นั่งรถตู้โซเวียตข้ามทะเลสาบไบคาล(Taking the Soviet Van across Lake Baikal)

จะมีสักกี่ที่ที่คุณจะสามารถนั่งรถตู้ที่วิ่งบนผืนน้ำแข็งข้ามทะเลสาบได้ แค่คิดก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว

ทะเลสาบไบคาล(Lake Baikal) ในไซบีเรีย เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก เก่าแก่ที่สุดในโลก และได้ชื่อว่ามีน้ำจืดที่ใสที่สุดในโลก เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้อยใหญ่ในฤดูร้อน และเป็นแหล่งสำรวจของเหล่านักผจญภัยในฤดูหนาว เนื่องจากทะเลสาบที่กว้างใหญ่แห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง และด้วยลมแรงทำให้ไบคาลไม่มีหิมะ บางจุดเป็นผืนน้ำแข็งราบเรียบ บางจุดเป็นน้ำแข็งขรุขระตามสภาพคลื่นน้ำ และบางจุดก็มีลักษณะสวยงามแปลกตาจนบรรยายไม่ถูก แต่ที่พิเศษที่สุดคือผืนน้ำแข็งเหล่านี้แข็งแรงมากๆ ด้วยความหนาอย่างน้อย 1.5 เมตร ทำให้คุณสามารถนั่งรถข้ามทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้ได้เลย โดยที่นิยมมากที่สุดในย่านนี้คือรถมินิแวนยุคสงครามที่รู้จักกันในชื่อรถตู้โซเวียด(Soviet Van) รถตู้รัสเซียแท้ๆ ที่คุณต้องไปลองนั่งสักครั้


2. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมภูเขาไฟที่คัมชัตกา(Kamchatka’s Volcanoes Helicopter Tour)

ดูภูเขาไฟจากด้านล่างมันธรรมดาไป ลองขึ้นไปมองใกล้ๆ จากด้านบนดูไหม? แปลกดี

คัมชัตกา(Kamchatka) เป็นคาบสมุทรที่ขนาบข้างด้วยมหาสมุทรแปซิฟิก(Pacific Ocean) และทะเลโอคอตสค์(the Sea of Okhotsk) ตั้งอยู่บนวงแหวนไฟ(Ring of Fire) ขอบแผ่นเปลือกโลกของมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเต็มไปด้วยภูเขาไฟที่ที่ยังไม่ดับ เช่น โครียาสกี้(Koryaksky Volcano) อวาชินสกี้(Avachinsky Volcano) และโคเซลสกี้(Kozhelsky Volcano) ทำให้การท่องเที่ยวด้วยเฮลิคอปเตอร์จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากจะได้เห็นภูเขาไฟที่กำลังปะทุอย่างปลอดภัย แล้วยังมีจุดชมธรรมชาติที่เข้าถึงยาก อย่างภาพฝูงหมีสีน้ำตาลออกมาจับปลาแซลมอนกินกันในฤดูร้อน หรือถ้าคุณเป็นนักเล่นสกีการนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยังทางลาดที่แปลกใหม่อย่างการขึ้นไปเล่นสกีลงมาจากภูเขาไฟในหน้าหนาวก็คงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์แห่งความเร้าใจเลยก็ว่าได้ คัมชัตกาจึงถือเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นที่สุดของรัสเซีย


3. ชมแสงเหนือที่มูร์มันสค์(Seeing the northern lights in Murmansk)

แปลกใจใช่ไหม รัสเซียก็มีแสงเหนือ บรรยากาศน้องๆ นอร์เวย์และฟินแลนด์เลยแหละ(เพราะอยู่ติดกัน)

มูร์มันสค์(Murmansk) เป็นเมืองท่าอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย ที่ใช้เป็นท่าเรือสำหรับเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ ใกล้กับชายแดนนอร์เวย์และฟินแลนด์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตา มีพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ ทุ่งหญ้าทุนดรา(Tundra) ทะเลสาบใสบริสุทธิ์ และแม่น้ำเชี่ยวกราด เป็นที่อยู่อาศัยของชาวซามิชนเผ่าเร่ร่อนที่เก่าแก่ รวมทั้งเป็นแหล่งรวมกีฬากลางแจ้งฤดูหนาวที่หลากหลาย แต่สิ่งที่พิเศษจริงๆ คือพื้นที่บริเวณนี้อยู่ทางเหนือของวงกลมอาร์กติก(Arctic Circle) ทำให้เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ออโรร่า หรือแสงเหนือ (Aurora Borealis) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน ถือเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในรัสเซียในการชมแสงเหนือเลยก็ว่าได้* หรือการพบกับแสงเหนือนั้นไม่ได้ง่ายดายนัก ต้องอาศัยทั้งเวลาและดวง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เหล่านักผจญภัยจากทั่วทุกมุมโลกย่อท้อ ที่จะเดินทางมาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมนี้
*ฤดูกาลสำหรับการล่าแสงเหนือนั้น คือช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม มีนาคม และเมษายน ซึ่งเป็นฤดูหนาวของมูร์มันสค์ และยิ่งมีสภาพท้องฟ้าที่มืดสนิท ก็จะมีโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากขึ้น


4. ปีนยอดเขาเอลบรูส(Hiking Elbrus Mountain)

กิจกรรมแปลกไม่มาก แต่มีความยากและสวยสวยงามจนคุณต้องประหลาดใจมากแน่ๆ

ยอดเขาเอลบรูส(Elbrus Mountain) อดีตภูเขาไฟยุคโบราณที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนทั้งปี สูง 5,642 เมตร อยู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ยอดเขาสูงที่สุดของเทือกเขาคอเคซัสและสูงที่สุดในทวีปยุโรป อยู่ในรายชื่อยอดเขาสูงที่สุดแห่งทวีปทั้งเจ็ด (Seven Summits) ทำให้ยอดเขาแห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับนักปีนเขาที่พยายามพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก (เมื่อไม่นานมานี้ในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2014 ที่เมืองโซชี(Soshi) รัสเซียได้ให้นักฬาวิ่งคบเพลิงขึ้นไปบนยอดเขาเอลบรูสอีกด้วย)

ถ้าคุณไม่ใช่นักปีนเขามืออาชีพ คิดว่าการปีนยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้อาจจะยากลำบากไปสำหรับคุณ เราของเสนอทริป North Caucasus and the South of Russia ที่จะพาคุณท่องเที่ยวสถานที่สุดมหัสจรรย์ของเทือกเขาคอเคซัส และพาคุณขึ้นกระเช้าไปยังที่ความสูง 3,460 เมตร ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบ ชื่นชมความงามของยอดเขาเอลบรูสในจุดที่เหมาสมและไม่ต้องเหนื่อยปีนเขา


5. นั่งสุนัขลากเลื่อนในยาคูเทีย (Dog-Sledding Tour in Yakutia)

เคยนั่งสุนักลากเลื่อนหรือยัง ถ้าเคยแล้วขอบอกว่าที่ยาคูเทียแปลกกว่านั้น เพราะนอกจากจะมีหมู่บ้านที่หนาวที่สุดในโลกแล้ว สุนักลากเลื่อนของที่นี่ ไม่ใช่ไซบีเรียนฮัสกีนะ ลองดูดีๆ

ยาคูเทีย(Yakutia) หรือในอีกชื่อนึงคือ สาธารณรัฐซาคา(Sakha Republic) ตั้งอยู่ในเขตไซบีเรีย ค่อนไปทางด้านตะวันออก กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของเขตสหพันธ์ตะวันออกไกล(Far Eastern Federal District) มีเมืองหลวงคือยาคุตสค์(Yakutsk) และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโอยเมียคอน(Oymyakon) หนึ่งในสถานที่ที่หนาวที่สุดในโลก(Pole of Cold) ซึ่งมีความเป็นพิเศษเหนือกว่าในพื้นที่หนาวที่สุดในโลกอื่นๆ เพราะมีผู้คนอยู่อาศัยทำมาหากินตลอดเวลาในอุณหภูมิต่ำสุดถึง -70 องศาเซลเซียส ทำให้บริเวณนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะเกือบตลอดปีและสามารถเดินทางด้วยสุนัขลากเลื่อนได้เช่นเดียวกับบริเวณอื่นๆ ในไซบีเรีย ที่ใช้สุนัขไซบีเรียนฮัสกี(Siberian Husky) ในการลากเลื่อน แต่มีความพิเศษคือที่ยาคูเทียจะใช้สุนัขยาคุเทียนไลก้า(Yakutian Laika) สุนัขท้องถิ่น ซึ่งสามารถใช้ทำหน้าที่เป็นสุนัขต้อนกวางเรนเดียร์, สุนัขล่าเนื้อ และสุนัขลากเลื่อนได้ด้วย


6. เดินป่าในเทือกเขาอัลไต(Trekking in the Altai Mountains)

หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อนี้มานาน แต่คงไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สถานที่แห่งนี้จะมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงาม แต่จะน่าแปลกใจมากกว่าถ้ายังไม่ลองไปดูสักที

เทือกเขาอัลไต(Altai Mountains) เป็นเทือกเขาบริเวณพรมแดนร่วมของประเทศรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน อัลไตเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินป่า(Trekking) เกือบตลอดทั้งปีโดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง ในรัสเซียมีเส้นทางเดินป่าจำนวนมาก แต่เทือกเขาอัลไตมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เพราะคุณจะได้เห็นพืชพรรณที่ปกคลุมเทือกเขาแห่งนี้เปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม มียอดเขาที่มีหิมะปกคลุม ทุ่งหญ้าสเตปป์(Steppe) อันกว้างใหญ่ และมีทะเลสาบสีฟ้าเขียวสวยงาม บริเวณเทือกเขาแห่งนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำอิร์ทีช(Irtysh) แม่น้ำอ็อบ(Ob) และแม่น้ำเยนิเซ(Yenisei) อีกด้วย ถึงแม้ว่าอัลไตจะสามารถเข้าถึงได้ยาก แต่ทุกวันนี้มีเส้นทางเดินป่าหลากหลายเกิดขึ้นจากการไปเยือนของนักผจญภัยผู้ไม่ย่อท้อ

ถ้าคุณไม่ใช่นักเดินป่าตัวยง แต่อยากสัมผัสกับเส้นทางสู่เทือกเขาอัลไตที่มีธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงามแล้วล่ะก็ เราขอชวนคุณไปทริป Altai : Shades of Siberia (เส้นทางใหม่) ที่คุณจะได้พบกับเทือกเขาอัลไตอันเร้นลับในแบบที่ไม่รู้สึกว่าไกลเกินเอื้อม


7. ล่องเรือสำราญไปตามแม่น้ำเยนีเซย์(Cruising along the Yenisei River)

จะมีแม่น้ำสักกี่สายที่มีเรือสำราญล่องอยู่เป็นปกติ ถ้าไม่ใช่แม่นน้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 5 ของโลกอย่างเยนีเซย์

แม่น้ำเยนีเซย์(Yenisei River) เกิดจากเทือกเขาใกล้พรมแดนมองโกเลีย(Mongolia) เป็นหนึ่งในสามสุดยอดแม่น้ำของไซบีเรีย(The three great Siberian rivers) ร่วมกับ แม่น้ำอ๊อบ(Ob River) และแม่น้ำเลนา(Lena River) แม่น้ำเยนีเซย์ไหลลงสู่อ่าวเยนีเซย์(Yenisei Gulf) ในทะเลคารา(Kara Sea) และ มหาสมุทรอาร์กติก(Arctic Ocean) เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 5 ของโลก เนื่องจากฤดูหนาวที่ยาวนานของรัสเซียทำให้แม่น้ำสายนี้เป็นน้ำแข็งปีละหลายเดือน แต่เมื่อน้ำแข็งละลายแม่น้ำแห่งนี้กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสุดท้าทายของรัสเซีย มีนักผจญภัยจำนวนไม่น้อยที่ตั้งเป้าหมายพิชิตแม่น้ำเยนีเซย์ แต่ถ้าหากคุณไม่ชำนาญการพายเรือและต้องการท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศแสนสบาย ก็สามารถเดินทางโดยล่องเรือสำราญแม่น้ำเยนีเซย์(Yenisei River Cruise) ใช้ระยะเวลา 10 วัน ในการเดินทาง 4,000 กิโลเมตรไป – กลับระหว่างเมืองครัสโนยาสต์(Krasnoyarsk) และท่าเรือดูดินคา(Dudinka) ซึ่งให้บริการช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม


8. ขึ้นบอลลูนชมเมืองโบราณเปเรสลาฟ-ซาเลสกี(Hot Air Balloon Ride in Pereslavl-Zalessky)

ถ้าคุณเคยเดินชมเมืองโบราณ และเคยขึ้นบอลลูนชมธรรมชาติแล้ว ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ขึ้นอีกหน่อย อย่างการขึ้นบอลลูนชมเมืองเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงามดูบ้างหล่ะ?

เปเรสลาฟ-ซาเลสกี (Pereslavl-Zalessky) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1152 โดยเจ้าชาย ยูริ โดลกอรูกี้(Yuri Dolgorukiy) ผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงมอสโก(Moscow) ไปเพียงแค่ 145 กิโลเมตรเท่านั้น บนเส้นทางวงแหวนทองคำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญประวัติศาสตร์รัสเซีย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมรัสเซียในศตวรรษที่ 12 – 18 จนถูกขนานนามว่า “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง” จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการขึ้นบอลลูนชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามและสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระราชวัง โบสถ์ สวน แม่น้ำ ป่าไม้ และทะเลสาบเพลชชี่โว* โดยมีวิวชานเมืองมอสโกเป็นพื้นหลัง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศโรแมนติกมีความเป็นส่วนตัว พร้อมจิบแชมเปญเพื่อฉลองวิวหลักล้านและประสบการณ์การขึ้นบอลลูนสุดพิเศษ*ทะเลสาบเพลชชี่โว (Lake Pleshcheyevo) นี้เองที่เป็นสถานที่จัดเทศกาลบอลลูนของเมืองเปเรสลาฟ-ซาเลสกี ในช่วงกรกฏาคมของทุกปี


9. ตามส่องเสือโคร่งไซบีเรีย (Tracking Wild Siberian Tiger)

ไม่ใช่สักแต่ว่าแปลก แต่ยังเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทำให้คุณได้ทดลองเป็นหนึ่งในหนวยเก็บของมูลของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ต่างๆ และถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นพวกมันตัวเป็นๆ อีกด้วย

วลาดิวอสต็อก(Vladivostok) เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกของรัสเซีย อยู่ไม่ไกลจากชายแดนของจีน เกาหลีเหนือ และมองโกเลีย เป็นจุดเริ่มต้นของทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย(Trans-Siberian Railway:TSR) และเป็นเมืองที่ความยิ่งใหญ่จนใครๆ ก็รู้จักกันในชื่อ “ผู้ปกครองแห่งตะวันออก” และ “ซานฟรานซิสโกแห่งรัสเซีย” เลยทีเดียว แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าทางเหนือของวลาดิวอสต็อก หรือพื้นที่ปรีมอร์สกี(Primorsky Krai) และอาร์มูร์(Amur Oblast) นั้น เป็นพื้นที่ป่าไทกา(Taiga Forest) หลายพันตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเสือโคร่งไซบีเรีย(Siberian Tiger) (ชาวรัสเซียเรียกเสือชนิดนี้ว่าเสือโคร่งอามูร์(Amur tiger) ตามแหล่งที่อยู่อาศัยของมันนั่นเอง) เสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังไม่สูญพันธ์ แต่ก็เหลือจำนวนน้อยเต็มที ทุกวันนี้เหลือเพียง 480-540 ตัวเท่านั้น การติดตามและเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของพวกมัน จึงเป็นส่วนสำคัญในการอนุรักษ์สายพันธุ์ให้มีอยู่ต่อไปโดยผู้ที่เข้าร่วมจะได้เดินทางเข้าไปในป่าเพื่อวางกล้องดักถ่าย แล้วรวบรวมกลับมาเพื่อบันทึกข้อมูล โดยมีไกด์ท้องถิ่น นักเดินป่า และนักอนุรักษ์ ดูแลใกล้ชิด และในระหว่าการเดินป่าก็ยังโอกาสที่จะพบ หมี กวาง หรือแม้แต่เสือดาวอามูร์ ซึ่งเป็นเสือที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลกอีกด้วย


10. ดำน้ำในถ้ำออร์ดา (Cave Diving at Orda Cave)

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ดำน้ำในถ้ำจริงๆ และไม่ใช้ถ้ำใต้น้ำในทะเล แต่เป็นถ้ำยิปซั่มที่ปากทางแห้งสนิท แต่ภายในเป็นทางน้ำในลักษณะของกาลักน้ำ ให้คุณได้เปิดประสบการณ์ใหม่อย่างแท้จริงถ้ำออร์ดา(Orda Cave) เป็นถ้ำคริสตัลยิปซั่มที่อยู่ใต้เทือกเขาอูราลตะวันตก(Western Ural Mountains) ปากถ้ำอยู่ใกล้ชายฝั่งของแม่น้ำคูนกูร์(Kungur River) ในเขตเพิร์ม ไคร(Perm Krai) ของรัสเซีย โครสร้างถ้ำยาวเหยียดกว่า 5.1 กิโลเมตร และมีความยาวของส่วนที่อยู่ใต้น้ำประมาณ 4.8 กิโลเมตร ทำให้เป็นหนึ่งในถ้ำใต้น้ำที่ยาวที่สุด และถือเป็นถ้ำยิปซั่มใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย กิจกรรมดำน้ำในถ้ำแห่งนี้จึงอาจเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของคุณก็เป็นได้ เพราะคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การดำน้ำที่โอบล้อมไปด้วยหินยิปซั่มที่สะท้อนแสงสวยงามและตื่นตากับหินรูปทรงแปลกประหลาดอันเป็นที่มาของตำนานมากมาย


11. นั่งรถไฟสายความฝัน “ทราน-ไซบีเรีย” (Taking the Trans-Siberian Railway)

คุณอาจจะรู้สึกเหมือนกับว่าในปัจจุบันการนั่งรถไฟสาย “ทราน-ไซบีเรีย” จะไม่ใช้เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เพราะเป็นชื่อที่นักเดินทางหลายๆ คนต่างคุ้นเคย แต่คุณอาจจะแปลกใจเมื่อทราบว่านักเดินทางส่วนใหญ่ยังไม่มีโอกาสที่จะลองนั่งรถไฟในฝันสายนี้เลยสักครั้งทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย(The Trans-Siberian Railway: TSR) เป็นสายรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก ช่วยในการเชื่อมต่อระหว่างกรุงมอสโก ไปยังเขตตะวันออกไกลและทะเลญี่ปุ่น มีสายย่อยเชื่อมต่อไปยังมองโกเลีย จีน และเกาหลีเหนือ ปัจจุบันเชื่อมต่อระหว่างกรุงมอสโก(Moscow)กับเมืองวลาดิวอสตอค(Vladivostok) ในปัจจุบันมีขบวนรถหลากหลายรูปแบบให้บริการบนเส้นทางเดียวกัน คุณอาจจะต้องเสี่ยงดวงเล็กน้อยในการเดินทางด้วยวิธีนี้ เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าจะได้รถขบวนแบบไหนมาให้บริการ แต่รับรองได้เลยว่าบรรยากาศและความสุขที่ได้รับจากรถไฟสายนี้จะต้องสุดยอดทุกขบวนแน่นอน

วันที่

11-07-2019

หมวดหมู่

, ,

เรื่องโดย

@worldexplorer